เอนไซม์บำบัด เอนไซม์เจนิฟู้ด http://enzine.siam2web.com/

ตัวอย่างของโรคและอาการต่างๆที่สามารถใช้เอนไซม์บำบัดร่วมกับการรักษาแบบอื่นๆ
        ต้นเหตุของการเกิดโรคคืออาหาร เนื่องจากพบว่าคนไทยในสังคมปัจจุบันมีความเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร กันเป็นส่วนมาก เชื่อมโยงไปสู่อวัยวะต่าง ๆ อย่างมากมายอันมีสาเหตุมาจากการ บริโภคอาหาร ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อมเนื่องจากระบบเผาผลาญในร่างการผิดปกติ ถ้าระบบเผาผลาญผิดปกติจะส่งผลทำให้การกำจัดของเสียของร่างกายผิดปกติตามไป ด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการและโรคจำนวนมาก  ดังต่อไปนี้เช่น อาการสารพัดปวด, เนื้องอก, มะเร็ง, ภูมิแพ้, ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, ท้องผูก, โรคกระเพาะ,โรคลำไส้, โรคไต, ผมหงอกก่อนวัย, กระดูกผุ, ปวดประจำเดือน, ความดันโลหิตสูง, อัมพฤกษ์, อัมพาต, ต้อเนื้อ, ต้อกระจก, ต้อลม, ตาพร่า ฯลฯ

 ท้องผูกเรื้อรังทำให้เกิดสารพิษ

      อาหารที่เรากินแล้วไม่ย่อยจะตกค้างในลำไส้ใหญ่ เมื่อเกิน 6 ชั่วโมงอาหารที่ไม่ย่อยนี้จะเริ่มบูดเน่า คายสารพิษออกมา เส้นเลือดฝอยในลำไส้ใหญ่ก็จะดูดซึมเข้าระบบในร่างกาย ทำให้สารพิษถูกพาไปทุกแห่งทุกอวัยวะร่างกาย และถ้ากากอาหารที่บูดเน่าอยู่นาน หรือเรื้อรังจะกดหลอดเลือดฝอยในลำไส้ใหญ่ตอนปลายทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก คั่งอยู่และบวมจนก่อให้เกิดอาการริดสิดวงทวาร และอาจส่งผลทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

เอ็นไซม์ : จะช่วยล้างสารพิษในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายให้กลับสู่ภาวะปกติ ที่สำคัญช่วยให้ระบบไหลเวียนของระบบเลือดให้ดียิ่งขึ้น

 ข้อเข่าเสื่อม  
         ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมให้หายขาดได้ จุดมุ่งหมายในการรักษาทุกวิธีก็คือ ลดอาการปวด ทำให้เคลื่อนไหวข้อได้ดีขึ้น ป้องกันหรือแก้ไขการผิดรูปร่างของข้อ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันหรือทำงานได้เป็นปกติ การกินยาแก้ปวด หรือ การผ่าตัด ถือว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ถ้าผู้ป่วยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน และ ไม่บริหารข้อเข่าผลการรักษาก็จะไม่ดีเท่าที่ควร

เอ็นไซม์ : จะช่วยสร้างระบบกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรง และลดอาการปวดต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ต้องผ่าตัด

ความดันโลหิตสูง  ลอง นึกภาพสายยางรดน้ำต้นไม้ มีน้ำไหลเป็นจังหวะการปิดเปิดของก๊อก เมื่อเปิดน้ำเต็มที่ น้ำไหลผ่านสายยาง ย่อมทำให้เกิดแรงดันน้ำขึ้นในสายยางนั้น และเมื่อปิดหรือหรี่ก๊อก น้ำไหลน้อยลง แรงดันในสายยางก็ลดลงด้วย ระบบหัวใจและหลอดเลือดก็เป็น ระบบไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย โดยมีหัวใจ ทำหน้าที่คล้ายก๊อก หรือปั๊มน้ำ คอยสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย เลือดไหลแรงดี ความดันก็ดี หากหัวใจบีบตัวไม่ดี เลือดไหลอ่อน ความดันก็ลดลง นอกจากนั้นแล้วความดันในหลอดเลือดยังขึ้นกับสภาพของหลอดเลือดด้วย หากหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดี จะปรับความดันได้ดี ไม่ให้สูงเกินไป แต่หากหลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น หรือ แข็งตัว ก็จะทำให้ความดันเปลี่ยนแปลงไปด้วย

เอ็นไซม์ : จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบหัวใจ ระบบหลอดเลือด ให้กลับสูสภาวะปกติ และปรับความสมดุลภายในร่างกาย

 โคเลสเตอรอล : สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจขาดเลือด

โดย ทั่วไปเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผนังของหลอดเลือดแดงจะแข็งตัวขึ้น ทำให้ขาดความยืดหยุ่น ถ้ามีแผ่นคราบไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโคเลสเตอรอล มาเกาะติดที่ผนังด้านใน จะทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เมื่อเป็นมากขึ้น เลือดจะไหลผ่านไม่ดี เกิดเป็นก้อนอุดตันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด จากการศึกษาในประชากรทั่วโลก พบว่า ผู้ใหญ่ที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือด สูงเกินกว่า 260 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะมีอุบัติการณ์ของโรคหัวใจขาดเลือด สูงกว่าคนที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือด น้อยกว่า 220 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ประมาณ 3-5 เท่า

เอ็นไซม์ : จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบเลือด ระบบหลอดเลือด ลดความข้นเหนียวของเลือด ให้กลับสูสภาวะปกติ และปรับความสมดุลภายในร่างกาย ที่สำคัญช่วยลดอัตราความเสี่ยงสำหรับการเกิดโรคหัวใจได้

นิ่วในถุงน้ำดี
เกิด จากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) หรือโคเลสเตอรอลที่มีอยู่ในน้ำดี ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการตกผลึกของสารเหล่านี้ เชื่อว่าเกี่ยวกับการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของส่วนประกอบในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็ก ๆ หลายๆ ก้อนก็ได้รวมทั้งคนที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง หญิงที่มีบุตรแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ทาลัสซีเมีย โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก จะมีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนทั่วไป ในปัจจุบันไม่มียาที่รับประทานแล้วนิ่วหายไปได้ทันที คนที่รับประทานยารักษาโรคนิ่ว ต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต ที่สำคัญยาที่ใช้รักษามีราคาแพง

เอ็นไซม์ : จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย และที่สำคัญช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ลดอัตราการติดเชื้อได้


โรคสะเก็ดเงิน เป็น โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อยชนิดหนึ่ง โรคนี้เกิดจากเหตุปัจจัยหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค สารเคมีที่เป็นพิษต่อผิวหนังโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากพันธุกรรมหรือยีนที่ผิดปกติหลายชนิด ร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกายที่ไม่เหมาะ สมมากระตุ้นให้โรคปรากฏขึ้น อาการผื่นผิวหนังเป็นได้หลายรูปแบบ ที่พบบ่อย คือ ผิวหนังอักเสบเป็นปื้นแดง ลอกเป็นขุย เป็น ๆ หาย ผู้ป่วยบางรายเป็นเฉียบพลัน แล้วผื่นก็หายไปบางรายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจพบได้ คือ ความผิดปกติที่เล็บ ข้ออักเสบ เป็นต้น ผู้ป่วยอาจมีอาการผิดปกติของเล็บหรือปวดข้อนำมาก่อน หรือเกิดขึ้นพร้อมๆ กับอาการผื่นผิวหนังอักเสบเป็นต้น

เอ็นไซม์ : จะช่วยฟื้นฟูและบำบัดผิวหนังที่มีอาการอักเสบ ให้กลับสูภาวะปกติ

 โรคภูมิแพ้ อุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้จากการสำรวจทั่วโลกพบว่าเพิ่มขึ้น 3 - 4 เท่า ภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ประเทศไทย มีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้โดยเฉลี่ย คือ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 23-30, โรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคหืด ร้อยละ 10-15, โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ร้อยละ 15 และโรคแพ้อาหาร ร้อยละ 5 โรคภูมิแพ้นั้น ถ้าไม่ได้รับการรักษา จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่กว่าคนปกติ เช่น ไม่สามารถนอนหลับได้ตามปกติ, เรียนและทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ไซนัสอักเสบ, ริดสีดวงจมูก, หูชั้นกลางอักเสบ, นอนกรน, ปอดอุดกั้นเรื้อรัง, ผิวหนังติดเชื้อ

เอ็นไซม์ :จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย

 โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษา และควบคุมตลอดชีวิต โรคนี้พบได้บ่อย ประมาณร้อยละ 15-20 ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไป ผู้ป่วยด้วยความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอาจตรวจพบ โดยการตรวจเช็คสุขภาพประจำปี หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น แล้วแพทย์วัดความดันของเลือดพบว่าผิดปกติ สำหรับที่รายมีอาการจะมีอาการมึนงง ตาพร่ามัว ปวดศีรษะตรงท้ายทอย มักจะปวดตอนตื่นนอน เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย บางรายเลือดกำเดาออกบ่อยๆ อาการดังกล่าว อาจเกิดจากโรคอื่นได้อีกหลายโรค และที่สำคัญที่สุดความดันโลหิตสูง บางรายอาจไม่มีอาการใดเลยก็ได้ นอกจากตรวจวัดด้วยเครื่องมือแพทย์จึงจะทราบ ฉะนั้น ถ้าท่านสงสัยว่าเป็นโรคนี้ หรือท่านที่มีอายุเกิน 35 ปี จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจะมีโอกาสเป็นอัมพาต เกิดจากหัวใจล้มเหลว, หลอดเลือดเลือดหัวใจตีบ มากกว่าผู้ที่ไม่มีโรคความดันโลหิตสูง

เอ็นไซม์ : จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบหัวใจ ระบบหลอดเลือด ให้กลับสูสภาวะปกติ และปรับความสมดุลภายในร่างกาย

 โรคตับ
ความ จริงคำว่าโรคตับมีความหมายค่อนข้างกว้าง อาจจะหมายถึงผู้ที่เป็นพาหะของโรคตับอักเสบบี ซึ่งสภาพตับโดยทั่วไปแล้ว ไม่ได้แตกต่างจากคนปกติทั่วไปเท่าไรนัก ไปจนถึงผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง ซึ่งอาจจะมีอาการดีซ่าน บวม หรือท้องมานก็ได้ ซึ่งหมายถึงมีการเสื่อมสภาพของตับไปมาก สำหรับผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง คงต้อง

การ การดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากยาหลายชนิดต้องถูกกำจัดโดยผ่านตับ การที่ตับมีการทำงานบกพร่องเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง อาจทำให้มีการสะสมของยามากจนเกิดโทษ ผู้ที่เป็นโรคตับแข็งไม่ควรรับประทานยาลดไข้พวก เกินกว่าวันละ 1500 mg หรือทานติดต่อกันนานเกิน 3 วัน อย่างไรก็ตามในผู้ที่เป็นตับอักเสบเล็กน้อย หรือพาหะของตับอักเสบบี สามารถทาน paracetamol ได้ ในขนาดปกติ สำหรับยาแก้ปวดนั้นผู้ที่เป็นตับแข็งควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวด พวกที่เป็นแอสไพรินทั้งหลาย เนื่องจากยากลุ่มนี้มีผลทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงไตลดลงจนอาจทำให้มีการเสื่อม หน้าที่ของไต หรือไตวายได้ ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาแก้ปวดกลุ่มอื่นแทน

เอ็นไซม์ : จะช่วยล้างสารพิษในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายให้กลับสู่ภาวะปกติ ที่สำคัญช่วยให้ระบบไหลเวียนของระบบเลือดให้ดียิ่งขึ้น

 โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
โรค คอพอกเป็นพิษ ต่อมไทรอยด์ ซึ่งอยู่ที่ลำคอด้านหน้า ต่ำกว่าลูกกระเดือกเล็กน้อย ทำหน้าที่สร้างและหลั่ง ฮอร์โมนไธรอยด์ออกสู่กระแสเลือด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ โดยเฉพาะหัวใจและประสาท โรคคอพอกเป็นพิษ เป็นการเสียสมดุลของฮอร์โมนไธรอยด์ โดยไม่ทราบสาเหตุและไม่เกี่ยวข้องกับอาหารทะเล แต่มีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้อง คือ ระบบประสาทถูกฮอร์โมนไทรอยด์กระตุ้นมากขึ้น ทำให้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถูกกระตุ้นให้ทำงานผิดปกติได้เช่นเดียวกัน มือสั่น ตกใจง่าย ลำไส้ถูกกระตุ้น ทำให้ถ่ายอุจจาระบ่อยวันละหลายๆ ครั้ง กล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนและขามักอ่อนแรง บางครั้งเมื่อนั่งยองๆ ก็ลุกไม่ไหว ประจำเดือนอาจมาน้อย หรือห่างออกไป นัยน์ตาอาจโตโปนถลน หรือหนังตาบนหดรั้งขึ้นไป ทำให้เห็นตาขาวข้างบนชัด
ดูคล้ายคนดุ

เอ็นไซม์ : จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ให้กลับสู่สภาวะปกติ

โรคมะเร็ง
เมื่อ กล่าวถึง โรคมะเร็ง ใครๆ ก็พากันกลัวไม่อยากเป็นด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่แพทย์ หรือผู้อยู่ในวงการแพทย์ เพราะเราต่างรู้สึกว่า โรคนี้รักษาก็ไม่หาย ทรมาน ก็ทรมาน ใครเป็นมะเร็งแล้ว ดูจะไม่มีความหวังเอาเสียเลย หากโชคดีไม่ถึงตาย ก็ต้องมีสภาพที่ไม่น่าดูไปตลอดชีวิต รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการการป้องกัน ดูจะเป็นหนทางที่ง่ายประหยัด และคุ้มค่ากว่าการรักษาอยู่หลายขุม เพียงแต่ว่าเรารู้จักโรคมะเร็ง สาเหตุของมัน และรู้จักตัวเราเองดีพอหรือยัง ถ้ามั่นใจว่าวันนี้ เราจะยืนหยัดขึ้นต่อสู้กับมะเร็ง โดยไม่เกรงกลัวแล้ว แค่การดูแลตัวเอง เอาใจใส่ตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะป้องกันตัวเอง ไม่ให้เป็นโรคมะเร็งได้ตั้งหลายๆ ชนิด อวัยวะของเรา ประกอบด้วยเซลล์ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุด ของชีวิตจำนวนมากมาย เซลล์เหล่านี้ เมื่อถึงอายุขัย ก็จะถูกทำลายลง ในขณะที่มีการสร้างเซลล์ใหม่ ขึ้นมาทดแทนด้วย

ขบวน การแบ่งตัว การแบ่งตัวของเซลล์ถูกควบคุม ให้เป็นระเบียบ ด้วยหน่วยทางพันธุกรรมในเซลล์เอง และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่มีหน้าที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอม หรือพวกเซลล์ไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย แต่หากขบวนการธรรมชาติเหล่านี้ถูกรบกวน ระบบควบคุมป้องกันเอียงเสียศูนย์ไปเมื่อไร ก็เมื่อนั้นแหละคะ ที่อาจจะโดน โรคมะเร็งถามหาได้ !

เอ็นไซม์ : จะช่วยล้างสารพิษในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายให้กลับสู่ภาวะปกติ ที่สำคัญช่วยให้ระบบไหลเวียนของระบบเลือดให้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้  ท่านที่มีเชื้ออยู่

เมื่อ รับประทานเอนไซม์เข้าไปแล้วเอนไซม์จะเข้าไปทำลายโปรตีนที่ห่อหุ้มหรือ ป้องกันเซลล์มะเร็งเมื่อสารโปรตีนตัวที่ห่อหุ้มเซลล์มะเร็งถูกทำลายเม็ด เลือดขาวในร่างกายของเราก็จะเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง ดังนั้นคนที่เป็นมะเร็งก็ต้องเข้มงวดในเรื่องของการรับประทานอาหารเป็นอย่าง มากเพราะอาหารบางอย่างที่รับประทานเข้าไปก็จะไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเจริญ เติบโตและขยายจำนวนเพิ่มมากขึ้น


ระบบไหลเวียนของโลหิต (Circulation) เอนไซม์มีความสำคัญในการป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน (Blood Clot) ลดความเหนียว (Stickiness) ของเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดแดงในหลอดโลหิต และโคเลสเตอรอลลดความเข้มข้นลง ซึ่งในด้านสุขภาพ ถ้าเลือดดี ทุกอย่างในร่างกายก็เป็นปกติ

ลดการอักเสบ (Inflammation) เพราะเอนไซม์มีหน้าที่ซ่อมแซมและเนื้อเยื่อต่างๆ (Tissue Repair) เร่งสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ รวมทั้งมันสามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม

กำจัดสิ่งแปลกปลอมในเลือด ทั้งสารพิษ (Toxin) ที่ดูดซึมจากลำไส้ใหญ่ รวมกับสารอาหารที่ย่อยไม่สมบูรณ์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติ

โรคเอดส์ (AIDS) คือ กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อมหรือบกพร่องมิได้เป็นเองตั้งแต่เกิด แต่ติดเชื้อไวรัสที่เรียก Human Immuno-deficiency Virus หรือ HIV (เอช ไอ วี)ติดต่อกันโดยทางเพศสัมพันธ์ หรือทางเลือดหรือ จากแม่ที่ติดเชื้อสู่ทารกในครรภ์

ท้องขึ้นท้องเฟ้อ จากอาหารไม่ย่อย (Indigestion) ปากอาจเปื่อย ผายลมมีกลิ่นเหม็น บางครั้งจะนอนไม่หลับ ท้องร่วงสลับกับท้องผูก ในรายท้องร่วง บางครั้งอุจจาระมีไขมันปนมาก

 

โรคต่างๆ และอาการไม่สบายซึ่งเอนไซม์บำบัดควรมีส่วนเกี่ยวข้อง

เอนไซม์ ย่อยไขมันในเลือดทำให้โคเลสเตอรอลลดลง ซึ่งถ้าขาดเอนไซม์จะทำให้เลือดไหลผ่านหลอดโลหิตที่ตีบตันไปได้ยาก ความดันโลหิตจึงต้องเพิ่มสูงขึ้นเพื่อขับดันเลือดไหลผ่าน และหัวใจซึ่งต้องการเลือดจำนวนมากมาหล่อเลี้ยงเพราะ ต้องทำงานหนักขึ้น ก็อาจได้รับไม่เพียงพอ ทำให้หัวใจขาดเลือด (Ischemic Heart) ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจพิการได้

โรคอ้วน คือ สภาวะร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป มีได้หลายสาเหตุ เช่น กินจุแต่ออกกำลังน้อย ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ศูนย์ควบคุมความอิ่มของสมองส่วนล่าง (Hypothalamus) ถูกกระทบ กระเทือน กรรมพันธุ์ รวมทั้ง เกิดจากความเครียด การใช้เอนไซม์ย่อยไขมันจะช่วยได้แต่ถ้าควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและคุม อาหารด้วยจะเห็นผลเร็วยิ่งขึ้น

การอักเสบต่างๆ รวม ทั้งการมีบาดแผล เอนไซม์จะย่อยหนอง (Pus) กำจัดโปรตีนที่แปลกปลอม เอนไซม์จะเข้าไปย่อยเปลือกผิวออก ทำให้ภูมิคุ้มกันสามารถเข้าถึงและทำลายเชื้อโรคต่างๆ ได้ เอนไซม์ทำให้เลือดไหลเวียนดี ผิวหนังจึงได้รับสารอาหารและออกซิเจนสมบูรณ์ เซลล์เกิดใหม่ง่าย แผลหายเร็ว ในปี ค.ศ.1977 มีการใช้มะละกอปิดแผลผ่าตัด เล่ากันว่า วิธีนี้ทำให้แผลหายเร็วขึ้น

อาการอ่อนเพลีย (Chronic Fatigue Syndrome) ความเครียดทำให้รู้สึกไม่มีแรง  การใช้เอนไซม์เสริมก็จะทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ทำงานปกติ  ของเสียจะถูกพาออกมาทิ้งนอกเซลล์ เซลล์จึงสดชื่นแข็งแรง และถ้าเชื้อไวรัสเป็นต้นเหตุอ่อนเพลียเรื้อรัง เอนไซม์ร่วมกับภูมิต้านทานที่แข็งแรงขึ้นจะกำจัดไวรัสให้หมด โดยเอนไซม์จะย่อยโปรตีนหุ้ม   (Protein Film) ไวรัสและเม็ดเลือดขาวก็จะเข้าไปทำลายเชื้อโรคนั้นทันที

โรคภูมิแพ้ เกิด จากมีความไวค่อนข้างสูงเกินไปของปฏิกิริยาเคมีในร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอม และถ้าเป็นมากอาจหมดสติ ถึงตายได้ การแพ้ (Allergy) นี้พบได้มากกว่าร้อยละ 15 ของคนทั่วไป  เอนไซม์เสริมจะช่วยย่อยอาหารให้สมบูรณ์จนไม่เกิดมีอณูใหญ่หลงเข้ามาในกระแส โลหิต และเมตตาบอลิค เอนไซม์จะย่อยสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในเลือดจนหมด ทำให้อาการแพ้ต่างๆ ทุเลาลงได้ ในกรณีที่คนไข้เป็นโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง (โรคเอสแอลอี SLE)ซึ่งเกิดจากการผิดปรกติของภูมิต้านทาน(Antibody) ซึ่งจะมีผลกับข้อต่อ เยื่อเมือก ผิวหนัง และอวัยวะภายใน การใช้เอนไซม์เสริมร่วมในการรักษาด้วยจะทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้น




Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 71,572 Today: 6 PageView/Month: 92

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...